เรียนออนไลน์ที่บ้านอย่างไร...ให้มีสมาธิ
4 ปีที่ผ่านมา
1. ตั้ง To-do list ที่จะทำในแต่ละวัน
การวางเป้าหมายเล็กๆ แต่ชัดเจนในแต่ละวันให้เริ่มจากการตั้งไว้ 3 ข้อก่อนก็ได้กำหนดว่าเราจะทำทั้ง 3 สิ่งนี้ให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลากี่ชั่วโมง จากนั้นเมื่อทำสำเร็จแล้วค่อยตั้งเป้าหมายอื่น ๆ เพิ่มไปอีกทีละ 3 อย่าง ดูให้แน่ใจว่าเป้าหมายทั้ง 3 เหมาะสมกับความสามารถของเราในแต่ละวัน สิ่งนี้จะช่วยเราแยกลิสต์ใหญ่ ๆ ที่ดูเยอะและหนักอึ้งออกมาเป็นเป้าหมายเล็ก ๆ แต่สม่ำเสมอได้
นอกจากการวางตารางกำหนดสิ่งที่ต้องทำในทุก ๆ วันแล้ว การกำหนดเดดไลน์ของแต่ละสัดส่วนก็จะช่วยให้เราจัดการเวลาได้ดีขึ้นด้วยยกตัวอย่างเช่น กำหนดเวลาสำหรับอ่านหนังสือไว้ 30 นาทีเมื่อครบกำหนดแล้วให้เปลี่ยนไปทำการบ้านที่ยังค้างอยู่อีก 30 นาทีแบบนี้จะช่วยให้จัดการสิ่งที่ต้องทำในทุก ๆ วันได้ครบถ้วนมากกว่าการจมอยู่กับชิ้นงานเดียวตลอดทั้งวัน
2. จดบันทึกและย้อนกลับมาดูภายหลังเพื่อทบทวน
แม้จะอยู่ที่บ้านและเรียนจากคอมพิวเตอร์ได้แต่การ ‘take note’หรือจดบันทึกก็ยังคงเป็นสิ่งสำคัญและมีส่วนช่วยให้การเรียนมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น จากผลการวิจัยบอกว่า การใช้งานด้วยระบบแล็ปท็อปเพียงอย่างเดียวทำให้ประสิทธิภาพในการเรียนลดลงราว ๆ 40% ส่งผลให้ความจำของเด็ก ๆ ลดลง รวมถึงการจดจ่ออยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งก็น้อยลงตามไปด้วย
3. เปลี่ยนบรรยากาศห้อง เพิ่มความ productive มากขึ้น
การเพิ่มหรือลดสีสันภายในห้องช่วยกระตุ้นไอเดียความคิดสร้างสรรค์ และเสริมสร้างพลังงานใหม่ ๆ ให้เราลุกขึ้นมาเรียนได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วยนะ ยกตัวอย่างเช่นมีการพิสูจน์แล้วว่าสีส้มมีส่วนช่วยในการเพิ่มพลังงาน และทำให้สมองปลอดโปร่งคิดไอเดียใหม่ ๆ ออกมาได้ดี
4. กำหนดเวลาเบรกถี่ขึ้น แต่ช่วงเวลาสั้นลง
ให้กำหนดกรอบการพักเบรคเป็นประจำทุกวันด้วยช่วงเวลาที่ถี่ขึ้นแต่สั้นลง ยกตัวอย่างเช่น หลังจากโฟกัสกับการเรียนไปแล้ว 30 นาที ให้เวลาตัวเองได้พักสายตาจากหน้าจอสัก 5 นาที ลุกขึ้นยืดเส้นยืดสาย ดื่มน้ำ หรือทำธุระส่วนตัว แล้วกลับมาเรียนต่ออีกครั้ง
5. สร้างระบบให้รางวัลตัวเอง
นอกจากการทำยังไงให้ตัวเองโฟกัสแล้ว อีกส่วนที่สำคัญไม่น้อยไปกว่ากันคือ จะทำยังไงให้เราสนใจการเรียนได้มากขึ้น วิธีการหนึ่งคือ กำหนดรางวัลตัวเองหลังจากบรรลุเป้าหมาย ถ้าวันนี้สามารถเรียนและทำการบ้านได้เสร็จ เราอาจให้รางวัลตัวเองด้วยการเล่นอินเทอร์เน็ตหรือทำกิจกรรมที่ชอบในช่วงบ่าย กำหนดไว้ว่า ถ้าทำเสร็จแล้วเราจะได้รางวัลอะไรจากการตั้งใจเรียน สิ่งเหล่านี้จะเป็นตัวกระตุ้นให้เราอยากทำเป้าหมายสำเร็จได้ไว ๆ ที่สำคัญอย่าหยวน ๆ และให้รางวัลจนกว่างานจะเสร็จ ต้องซื้อสัตย์กับตัวเราเองด้วยนะ
6. หาเครื่องมือช่วยจดบันทึกตามความถนัด
แต่ละคนมีเคล็ดลับในการช่วยจำไม่เหมือนกัน ฉะนั้นเมื่อได้เรียนอยู่ที่บ้านแล้วอาจจะลองหาเครื่องมือที่ช่วยให้ตัวเราเองจดจำบทเรียนได้ดียิ่งขึ้น บางคนอาจจะถนัดจดโน้ตย่อในรูปแบบแผ่นพับ บางคนไม่ชอบนั่งอยู่กับที่ขณะเรียน บางคนจำเป็น mind mapping ได้ดีกว่า หรือบางคนชอบฟังเพลงขณะอ่านหนังสือไปด้วยจะมีสมาธิมากกว่าความเงียบ สิ่งนี้เราสามารถทำได้เมื่อเรียนในระบบ remote learning อาจจะเป็นโอกาสที่ได้เรียนในรูปแบบที่กำหนดได้ด้วยตัวเอง หรือถ้าใครไม่ชอบเสียงดัง ๆ แอพพลิเคชั่นตัวตัดเสียงหรือ ‘noise cancelling’ ก็มีให้ดาวน์โหลดใช้งานฟรีด้วยเหมือนกันนะ
7. หาช่วงเวลาที่เรียนได้ดีที่สุด
ช่วงเวลาที่มนุษย์มีความสามารถในการโฟกัสกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งนั้นค่อนข้างสั้น รวมถึงสิ่งรบกวนรอบข้างในอินเทอร์เน็ตก็มีมากมาย จะทำยังไงให้เราเรียนได้มีประสิทธิภาพสูงสุด ก่อนอื่นต้องกลับมาสำรวจตัวเองและทบทวนก่อนว่า ตัวเราโฟกัสในช่วงเวลาไหนได้ดีที่สุด บางคนมีสมาธิและทำงานได้ดีที่สุดในตอนเช้าตรู่ ในทางกลับกันสำหรับบางคนกลับเรียนได้ดีในตอนบ่าย และมากไปกว่านั้นก็อาจจะมีสมาธิที่สุดในตอนกลางคืนเลยก็ได้
เมื่อรู้เวลาที่ตัวเองทำงานได้ดีแล้ว พยายามกำหนดกรอบการเข้าเช็กข้อความหรือให้เวลาเล่นอินเทอร์เน็ตก่อนเข้าสู่ชั่วโมงการเรียนการสอน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การใช้โทรศัพท์มือถือที่แม้เราจะคิดว่า เข้าไปเช็กข้อความเพียง 2-3 นาที แต่หลายครั้งการเล่นโซเชียลมีเดียในโทรศัพท์ก็ทำให้เราเสียโฟกัสไปพักใหญ่เลยก็มีเหมือนกัน
ฉะนั้นพยายามไม่จับมือถือตอนเข้าสู่บทเรียนเลยจะดีกว่า
8. พักผ่อนและดูแลตัวเองตามนาฬิกาชีวิต
โฟกัสกับการเรียนแล้วสิ่งที่จะลืมไม่ได้เด็ดขาดเลยก็คือ การพักผ่อนและดูแลตัวเองให้มาก ๆ สำหรับบางคนการได้เรียนที่บ้านอาจจะน่ายินดีอยู่ไม่น้อย แต่กับบางคนแล้วกลับรู้สึกว่า การต้องเรียนและทำการบ้านที่บ้านกลายเป็นว่า พื้นที่ส่วนตัวกับพื้นที่การเรียนการทำงานมีความทับซ้อนกันอยู่ไม่น้อยเลย ฉะนั้นอย่าหักโหมมากจนเกินไป อย่าโฟกัสกับหน้าจอเกิน 2 ชั่วโมงเป็นอันขาด
งานวิจัยหลายชิ้นชี้ให้เห็นตรงกันว่า การออกกำลังกายสำคัญไม่แพ้กันกับการเรียนรู้ พักเบรกไปเดินเล่นหรือออกกำลังกาย เข้านอนตามเวลาปกติ และอย่าลืมหาอะไรมีประโยชน์ให้กับร่างกายตั้งแต่เช้าก่อนการเรียนเสมอ
9. เชื่อมั่นในตัวเองเข้าไว้
ถ้ารู้สึกเหนื่อยจนเกินไปให้หายใจเข้าลึก ๆ ปลดปล่อยความทุกข์ที่แบกไว้ทั้งหมด ไม่ต้องคิดมากว่า เราจะทำได้ดีหรือเปล่า เชื่อมั่นในตัวเองเข้าไว้ หากไม่เข้าใจก็สามารถบอกกับผู้สอนหรือปรึกษาเพื่อนดีกว่าการมานั่งเครียดอยู่คนเดียว การเรียนที่บ้านอาจจะปรับตัวยากในช่วงแรก ๆ
แต่ถ้าจัดสรรเวลาให้ดี ทำตารางสิ่งที่ต้องทำได้เข้าที่เข้าทาง ทุกอย่างก็จะผ่านไปได้และไม่ได้ยากเกินกว่าที่เราจะทำได้แน่นอน